อาวุธศึกษา: 2009

วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552

ชนิดปืนปก

.........................................................................................................................................

TAURUS PT 915 SS ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด ๙ มม. พาราเบลลั่ม

เขียนโดย ประชาสัมพันธ์ สนามยิงปืน ทอ.
Tuesday, 29 May 2007
ตัวปืนเป็นสแตนเลส มีขนาดกะทัดรัด ศูนย์ปืนเป็นแบบจุดสีขาว ๓ จุด ระบบนิรภัยแบบล็อคเข็มแทงชนวน มีคันลดนกทั้งด้านซ้ายและ ด้านขวา รีคอยล์สปริงเป็นแบบเส้นเหลี่ยมมีประสิทธิภาพสูงกว่าแบบเส้นกลมและเส้นแบน
ข้อมูลทั่วไป
ขนาด
9 มม.
ระบบปฏิบัติการ
กึ่งอัตโนมัติ
ความยาวลำกล้อง
4 นิ้ว
ความยาวตลอดตัว
7 นิ้ว
น้ำหนักปืนเปล่า
800 กรัม
ศูนย์ปืน
3-DOT Fixed Sight
ระบบนิรภัย
Ambidextrous, 3-Position Safety
แก้มด้ามปืน
Checkered Rubber
แม๊กกาซีนบรรจุ
15 นัด
สีผิวปืน

........................................................................................................................................................
TAURUS PT 915 B ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด ๙ มม. พาราเบลลั่ม

เขียนโดย ประชาสัมพันธ์ สนามยิงปืน ทอ.
Tuesday, 29 May 2007
ตัวปืนรมดํา มีขนาดกะทัดรัด ศูนย์ปืนเป็นแบบจุดสีขาว ๓ จุด ระบบนิรภัยแบบล็อคเข็มแทงชนวน มีคันลดนกทั้งด้านซ้ายและ ด้านขวา รีคอยล์สปริงเป็นแบบเส้นเหลี่ยมมีประสิทธิภาพสูงกว่าแบบเส้นกลมและเส้นแบน
ข้อมูลทั่วไป
ขนาด
9 มม.
ระบบปฏิบัติการ
กึ่งอัตโนมัติ
ความยาวลำกล้อง
4 นิ้ว
ความยาวตลอดตัว
7 นิ้ว
น้ำหนักปืนเปล่า
800 กรัม
ศูนย์ปืน
3-DOT Fixed Sight
ระบบนิรภัย
Ambidextrous, 3-Position Safety
แก้มด้ามปืน
Checkered Rubber
แม๊กกาซีนบรรจุ
15 นัด
สีผิวปืน
รมดำ

..............................................................................................................................................

TAURUS PT 99 SS ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด ๙ มม. พาราเบลลั่ม

เขียนโดย ประชาสัมพันธ์ สนามยิงปืน ทอ.
Tuesday, 29 May 2007
ตัวปืนเป็นสแตนเลส ศูนย์ปืนเป็นแบบจุดสีขาว ๓ จุด ศูนย์หลังปรับได้ ระบบนิรภัยแบบล็อคเข็มแทงชนวน มีคันลดนกทั้งด้านซ้าย – ด้านขวา
ข้อมูลทั่วไป
ขนาด
9 มม.
ระบบปฏิบัติการ
กึ่งอัตโนมัติ
ความยาวลำกล้อง
5 นิ้ว
ความยาวตลอดตัว
8.5 นิ้ว
น้ำหนักปืนเปล่า
964 กรัม
ศูนย์ปืน
3-DOT Adjustable Sight, ศูนย์หลังปรับได้แบบ Micrometer
ระบบนิรภัย
Ambidextrous, 3-Position Safety
แก้มด้ามปืน
Checkered Rubber
แม๊กกาซีนบรรจุ
15 นัด
สีผิวปืน
สแตนเลส

................................................................................................................................................................

TAURUS PT 99 B ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด ๙ มม. พาราเบลลั่ม

เขียนโดย ประชาสัมพันธ์ สนามยิงปืน ทอ.
Tuesday, 29 May 2007
ตัวปืนรมดํา ศูนย์ปืนเป็นแบบจุดสีขาว ๓ จุด ศูนย์หลังปรับได้ ระบบนิรภัยแบบล็อคเข็มแทงชนวน มีคันลดนกทั้งด้านซ้าย – ด้านขวา
ข้อมูลทั่วไป
ขนาด
9 มม.
ระบบปฏิบัติการ
กึ่งอัตโนมัติ
ความยาวลำกล้อง
5 นิ้ว
ความยาวตลอดตัว
8.5 นิ้ว
น้ำหนักปืนเปล่า
964 กรัม
ศูนย์ปืน
3-DOT Adjustable Sight, ศูนย์หลังปรับได้แบบ Micrometer
ระบบนิรภัย
Ambidextrous, 3-Position Safety
แก้มด้ามปืน
Checkered Rubber
แม๊กกาซีนบรรจุ
15 นัด
สีผิวปืน
รมดำ

.........................................................................................................................................
กล็อค ๑๙ (GLOCK 19) ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด ๙ มม. พาราเบลลั่ม

เขียนโดย ประชาสัมพันธ์ สนามยิงปืน ทอ.
Tuesday, 29 May 2007

โครงปืนและสไลด์ปืนเป็นแบบโพลีเมอร์ ซึ่งทนทานต่อแรงกระแทกได้สูง ผิวปืนตกแต่งด้วยกรรมวิธีแบบ เทนนิเฟอร์ (TENIFER) สีผิวปืนเป็นแบบรมดํา ทำให้ทนทานต่อสนิมและแรงเสียดสีได้อย่างดี ลักษณะของศูนย์หน้าเป็นแบบจุดสีขาวและศูนย์หลังเป็นแบบเส้นกรอบสีขาว มีระบบนิรภัยแบบล็อคเข็มแทงชนวน และนิรภัยที่ไกปืน ทำให้ปลอดภัยต่อการใช้งาน
ข้อมูลทั่วไป
ระบบปฏิบัติการ
กึ่งอัตโนมัติ
ขนาด
9 มม.พาราเบลลั่ม
ความยาวตลอดตัว
6.85 นิ้ว
ความยาวลำกล้อง
4.02 นิ้ว
ความสูง
4.99 นิ้ว
ความกว้าง
1.18 นิ้ว
เกลียวลำกล้อง
9.84 นิ้ว เวียนขวา
ฐานศูนย์
5.98 นิ้ว
ระบบนิรภัย
3 ระบบ คือ Trigger Safety, Firing Pin Safety, Drop Safety
น้ำหนักปืนเปล่า
595 กรัม
น้ำหนักแม๊กกาซีน
70 กรัม
แม๊กกาซีนบรรจุ
15 นัด
สีผิวปืน
รมดำ

....................................................................................................................................................

CZ 75 D COMPACT ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด ๙ มม. พาราเบลลั่ม

เขียนโดย ประชาสัมพันธ์ สนามยิงปืน ทอ.
Tuesday, 29 May 2007
ตัวปืนรมดํา โครงปืนเป็นโพลีเมอร์ สไลด์เป็นเหล็ก ศูนย์ปืนเป็นแบบจุดสีขาว ๓ จุด ระบบนิรภัยเป็นแบบล็อคเข็มแทงชนวน และคันลดนกปืน (DECOCKING LEVER) ด้ามปืนมีขนาดกะทัดรัดจับถนัดมือ ระบบลั่นไกอยู่ในเกณฑ์ดี
ข้อมูลทั่วไป
ระบบปฏิบัติการ
กึ่งอัตโนมัติ
โครงปืน
โครงปืนเป็นโพลีเมอร์ สไลด์เป็นเหล็ก
ขนาด
9 มม.ลูเกอร์
ความยาวตลอดตัว
183 มม.
ความกว้าง
35 มม.
ความสูง
137 มม.
ความยาวลำกล้อง
98.5 มม.
น้ำหนักปืนรวมแม๊กกาซีน
920 กรัม
ระบบนิรภัย
3 ระบบ คือ Decocking lever, Safety stop on the hammer, Firing Pin Safety
แม๊กกาซีนบรรจุ
14 นัด
สีผิวปืน
รมดำ

.......................................................................................................

ซีแซด ๗๕ บี (CZ 75 B) ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด ๙ มม. พาราเบลลั่ม

เขียนโดย ประชาสัมพันธ์ สนามยิงปืน ทอ.
Tuesday, 29 May 2007
โครงปืนและสไลด์ปืนเป็นเหล็กกล้ามีความแข็งแรงและทนทานดี ศูนย์ปืนเป็นแบบจุดสีขาว ๓ จุด ระบบนิรภัยเป็นแบบล็อคเข็มแทงชนวนและล็อคนกปืน ด้ามปืนมีขนาดกะทัดรัดจับถนัดมือ
ข้อมูลทั่วไป
ระบบปฏิบัติการ
กึ่งอัตโนมัติ
โครงปืน
โครงปืนและสไลด์ปืนเป็นเหล็กกล้า
ขนาด
9 มม.ลูเกอร์
ความยาวตลอดตัว
206 มม.
ความกว้าง
35 มม.
ความสูง
138 มม.
ความยาวลำกล้อง
120 มม.
น้ำหนักปืนรวมแม๊กกาซีน
1000 กรัม
ระบบนิรภัย
3 ระบบ คือ Manual Safety, Safety stop on the hammer, Firing Pin Safety
แม๊กกาซีนบรรจุ
16 นัด
สีผิวปืน
รมดำ

........................................................................................................................................................................

กล็อค ๑๗ (GLOCK 17) ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด ๙ มม. พาราเบลลั่ม

เขียนโดย ประชาสัมพันธ์ สนามยิงปืน ทอ.
Tuesday, 29 May 2007
โครงปืนและสไลด์ปืนเป็นแบบโพลีเมอร์ ซึ่งทนทานต่อแรงกระแทกได้สูง ผิวปืนตกแต่งด้วยกรรมวิธีแบบ เทนนิเฟอร์ (TENIFER) สีผิวปืนเป็นแบบรมดํา ทำให้ทนทานต่อสนิมและแรงเสียดสีได้อย่างดี ลักษณะของศูนย์หน้าเป็นแบบจุดสีขาวและศูนย์หลังเป็นแบบเส้นกรอบสีขาว มีระบบนิรภัยแบบล็อคเข็มแทงชนวน และนิรภัยที่ไกปืน ทำให้ปลอดภัยต่อการใช้งาน
ข้อมูลทั่วไป
ระบบปฏิบัติการ
กึ่งอัตโนมัติ
ขนาด
9 มม.พาราเบลลั่ม
ความยาวตลอดตัว
7.32 นิ้ว
ความยาวลำกล้อง
4.49 นิ้ว
ความสูง
5.43 นิ้ว
ความกว้าง
1.18 นิ้ว
เกลียวลำกล้อง
9.84 นิ้ว เวียนขวา
ฐานศูนย์
6.49 นิ้ว
ระบบนิรภัย
3 ระบบ คือ Trigger Safety, Firing Pin Safety, Drop Safety
น้ำหนักปืนเปล่า
625 กรัม
น้ำหนักแม๊กกาซีน
78 กรัม
แม๊กกาซีนบรรจุ
17 นัด
สีผิวปืน
รมดำ

ขนาดกระสุน

กระสุนชนวนกลางที่มีคำเรียกขึ้นต้นด้วย .22 มีตั้งหลาย caliber ครับ อาทิ 1) .222 Remington 2) .222 Remington Magnum 3) .223 Ackley Improved 4) .223 Remington 5) .223 WSSM
........................................................................................................................................

ถ้าเป็นปืนพกสั้น...ยังพอทำได้ง่ายกว่าครับ เพราะระบุไว้แต่เพียงแบบของปืนและ caliber ของกระสุนเท่านั้น อาทิ ปืนพกแบบแม็กกาซีน ขนาด 9 มม. ซึ่งท่านสามารถหาซื้อได้แทบจะทุก caliber (ถ้ามีในตลาดปืนเมืองไทย) เนื่องจากในใบคุมปืนที่ร้าน...จะระบุว่า เป็นขนาด 9 มม. ด้วยกันทั้งสิ้น เพราะ...ทุก cliber เป็นขนาด 9 มม. ด้วยกันทั้งหมด (เว้นแต่ .38 Super Automatic)

ชนิดกระสุน

เรื่องการแฉลบของหัวกระสุนเมื่อยิงกระทบเสื้อเกราะ เป็นรายงานจากหน่วย S.W.A.T บอกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจใส่เสื้อเกราะแถมยังใส่เกราะแข็งเป็นแผ่นเซรามิคไว้ที่หน้าอกอีกชั้น กะว่าไงๆก็รับมือกับหัวกระสุนทุกรูปแบบของพวกค้ายาเสพติดได้แน่ๆ ผลปรากฎว่า เจ้าหน้าที่คนนั้นโดนกระสุนจนถึงแก่ความตาย เนื่องจากคนร้ายที่นอนอยู่กับพื้น ยิงเข้าที่หน้าอกของแกในมุมเฉียงขึ้น หัวกระสุนโดนเกราะแข็ง แฉลบจากหน้าอกขึ้นไปเข้าที่ใต้คาง ตุงอยู่ในหัวสมองอันชาญฉลาดของตำรวจคนนั้น เลยต้องมีการออกแบบเสื้อเกราะให้เทอะทะขึ้นอีก ทำเป็นแผ่นยื่นออกรอบๆคอใต้คาง กันกระสุนแฉลบอย่างที่ว่า หัวกระสุนขนาด .357 ที่เป็นรูปกรวยแหลมหุ้มทองแดง ที่เรียกกันว่า"หัวฝาชี" ผมขอเพื่อนมาเก็บไว้นัดนึง ว่ากันว่ากระสุนแบบนี้ เก็บได้เยอะในรถของ"เสี่ยจิว" อดีตเจ้าพ่อด้านตะวันออก ที่โดนถล่มจนรถพรุนไปหมด ข่าวว่ามีกระสุนบางนัด ทะลุผ่านเข้าไปในเครื่องยนต์รถเลยที่เดียวนะ สงสัยทะลุฝาครอบวาวล์ที่เป็นอะลูมิเนียมแหงๆคงไม่ถึงขนาดทะลุห้องเครื่องที่เป็นเหล็กหรอกครับ

........................................................................................................................................................................

กระสุนในเชิงพาณิชย์ที่ขายให้กับประชาชนทั่วๆไป ก็คงมีอยู่ไม่กี่ชนิดตามภาพ ไอ้ที่เรียกว่า "เจาะเกราะ" มันคงไม่มีตามร้านขายแน่ๆเพราะผิดกฎหมาย แล้วก็อย่างที่ว่านั่นแหละครับ กระสุนหัวเจาะเกราะถ้าเอามาใช้กับปืนพกมันไม่ค่อยจะได้ผลซักเท่าไหร่ เพราะเนื้อที่ปลอกบรรจุดินปืนน้อย ลำกล้องก็สั้น ผลที่ได้มาคงไม่เหมือนกับเอาไปใช้ในปืนไรเฟิลกวาดล้างแบบ M. 16 ที่ได้อำนาจทะลุทะลวงจากความเร็วของหัวกระสุนที่มีมากกว่า 3,000 ฟุต/วินาที ซึ่งขนาดนั้นไม่ต้องใช้หัวกระสุนพิเศษอะไร แค่แบบ FMJ.ธรรมดาเกราะอ่อนแบบเส้นใยเคฟล่าก็ทานไม่ไหวแล้วครับ ต้องเสริมแผ่นเซรามิกเข้าไปช่วยถึงจะต้านอ

M16 A2

กระสุนขนาด7.62โตกราเรฟของจีนแดงก็เจาะได้แล้วครับเคยลองกับเสื้อของทหารมะกันแล้วครับ ------------------ 7.62 Tokarev คงไม่ทะลุเกราะระดับ IV หรอกครับ เพราะเกราะตั้งแต่ระดับ IIIA ขึ้นไปกันลูกกระสุนปืนพกกับปืนกลได้ทุกแบบทั้งแบบ FMJ และ JHP วันนั้นผมลองยิงด้วยปืนกลมือ UZI กับ H&K MP5A4 อย่างละ 30 นัดใช้หัวแข็งแบบ FMJ ยิงที่ 25 กับ 50 เมตรยังไม่ทะลุเลย จริงๆวันนั้นผมก็ยิงปืน M16A2 ที่ระยะ 25 กับ 50 เมตรนี้ด้วยกระสุนรุ่น M855 กระสุนแบบใหม่สำหรับปืน M16A2 มันก็แค่ตุงๆกับฝังแค่ตรงแผ่นเซรามิก แต่พอลองเพิ่มระยะยิงเป็น 100 เมตรเท่านั้นเองเป็นเรื่องเลยครับ ไอ้ฝรั่งงงเต็กว่าเป็นไปได้ไงเนี่ย

ชนิดกระสุน

ลูกกระสุน M16 ไม่มีแบบเจาะเกราะนะครับ มันมีแต่แบบ FMJ กับ JHP เท่านั้น คือตามที่กองทัพใช้กันตามปกติทั่วโลกจะเป็นแบบลูกหัวแข็งแบบ FMJ เพราะเวลารบในสนามรบไม่มีเวลายิงประณีตหรอกครับ เห็นหมูหมาวิ่งมาต้องยิงหมดไม่งั้นเราโดนยิงเอง ลูกกระสุนก็เลยต้องเอาแบบหัวแข็ง FMJ ไว้ยิงให้ทะลุทะลวงให้มากที่สุดครับ ส่วนลูก .223 แบบ JHP หรือแบบหัวอ่อน ส่วนมากผมเห็นมีแต่ขายตามร้านขายปืนนะครับแต่ต้องสั่งเข้ามา นัดนึงก็แพงมากเลยนัดละ 500 กว่าบาทได้ครับ แต่ประสิทธิภาพของลูกแบบนี้ถ้าให้พูดตรงๆมันก็พอๆกับลูก FMJ ละครับ ถ้าไม่คิดมากเรื่องว่ายิงแล้วต้องนัดเดียวร่วง เพียงแต่ถ้าเวลาล้อมวงยิงหรือเวลายิงเพื่อเหลือช่วยตัวประกัน กระสุน .223 JHP มันจะไม่ทะลุไปโดนคนอื่น แล้วมันเองก็มีอำนาจหยุดยั้งสูงเพราะมันมีหลักการทำงานแบบลูกหัวระเบิดทั่วไป คนร้ายโดนนัดเดียวอาจร่วงหรือจุกทันทีเท่านั้นละครับ แต่ลูก FMJ ผมก็ไม่เคยเห็นมันทะลุนะครับ ผมเคยยิงพวกขนยาบ้าเข้าไทยตายไป 5-6 ศพ ก็ไม่เห็นลูก FMJ ทะลุเสียที ยิงแล้วมุดแล้วเงียบทุกลุกแต่ถ้าผ่าแผลดูบอกคำเดียวว่าสยองครับ เพราะเนื้อตรงที่กระสุนวิ่งผ่านมันจะโดนกระสุนตีกว้านจนเละไปหมดเลยครับ แต่ผมจะบอกอะไรให้นะครับว่าเสื้อเกราะที่มันบอกว่ากันลูกปืนอาก้ากับเอ็มสิบหกได้หนะ ผมว่าไม่ 100% นะครับ ไม่เชื่อลองเอาเอ็มสิบหกยิงใส่เสื้อเกราะระดับ IV ที่ระยะ 100 เมตรสิครับ ลูกฝังเกือบทะลุแผ่นเกราะชั้นในตรงที่ติดกับอกเลยนะครับ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่คิดว่าน่าจะจริงตรงที่ลูกกระสุนเวลาพ้นปากลำกล้อง มันจะยังมีแนววิถีกระสุนไม่คงที่ ต้องทิ้งระยะให้สักนิดก่อนมันถึงจะเข้าที่เข้าทางมีประสิทธิภาพเต็ม 100% ครับ

......................................................................................................................................
นี่คือภาพของลูกกระสุน M16 5.56x45 mm. NATO (.223 Remington) แบบต่างๆ แบ่งตามการใช้งานได้ 4 ชนิด ได้แก่

1. กระสุนธรรมดา (M193,M855) หรือ Ball

1.1 ความเร็วต้น
M193 : 3,250 ft/s (991 m/s) ใช้กับปืน AR-15 ,CAR-15 ,H&K33 และ M16A1
M855 : 3,025 ft/s (922 m/s) ใช้กับปืน M16A2, M16A3 ,M16A4 และ M4A1
1.2 น้ำหนักหัวกระสุน (Grain : gr)
M193 : 55 gr (36.3 gm.)
M855 : 62 gr (40.2 gm.)
กระสุนของปืน M16 รุ่นแรก ถ้าแกะเอาหัวกระสุนมาดูจะเป็นแบบแกนตะกั่วเปลือกหุ้มทองแดงเปลือยท้าย เรียกว่ากระสุนแบบ "M193" ใช้กับปืน M16A1 ครับ แต่พอปืน M16A2 เข้ามา หัวกระสุนก็เปลี่ยนเป็นแบบแกนตะกั่วหุ้มทองแดงทั้งลูก ตรงปลายหัวกระสุนจะมีปลอกเหล็กครอบอยู่อีกทีเพื่อเพิ่มอานุภาพในการทะลุทะลวง เรียกว่ากระสุนแบบ "M855" หรือแบบ Ball เป็นกระสุนพื้นฐานที่ใช้ในเวลารบ (ในรูปที่ 2 จากซ้ายจะเป็นกระสุนรุ่น M855 ของปืน M16A2 ครับ ที่เห็นเป็นหัวสีดำหรือบางทีก็สีเขียว นั่นคือตรงที่มันมีหมวกเหล็กหุ้มอยู่เพื่อเพิ่มอำนาจการทะลุทะลวงครับ) แต่กองทัพไทยยังใช้อัตรามูลฐานของรุ่น M193 ฝึกรบปกติอยู่นะครับ ส่วนแบบ M855 เอาไว้ใช้กับปืน M16A2 เวลาออกปฏิบัติหน้าที่เท่านั้นครับ เพราะราคามันแพงต้องสั่งซื้ออย่างเดียว เราผลิตเองไม่ได้เพราะมันมีลิขสิทธิ์ของทางสหรัฐอเมริกาคุ้มครองอยู่ แล้วก็จะเอามาใช้กับปืน M16A1 กับ H&K 33 ไม่ได้อีก เพราะหัวกระสุนมันแข็งกว่ากระสุนแบบ M193 แล้วก็เวลาดินขับเผาไหม้ก็มีแรงดันในรังเพลิงสูงมาก อาจทำให้ชิ้นส่วนเสียหายหรือเกิดระเบิดเป็นอันตรายได้

2. กระสุนส่องวิถี (M196,M856) หรือ Tracer
2.1 ความเร็วต้น
M196 : 3,200 ft/s (975 m/s)
M856 : 2870 ft/s (875 m/s)
2.2 น้ำหนักหัวกระสุน (Grain : gr)
M193 : 54 gr (35 gm.)
M855 : 63.7 gr (41.3 gm.)
ลักษณะภายนอกเหมือนกับกระสุนแบบ M193/M855 แต่จะทาสีแดงไว้ตรงหัวกระสุน แล้วจะบรรจุผงฟอสฟอรัสไว้ภายในหัวกระสุนเพื่อให้เผาไหม้ในอากาศแล้วเห็นเป็นลำแสงพุ่งไปยังตำบลที่ยิง ใช้เพื่อยิงตรวจการณ์ผลการยิงและชี้เป้า รวมไปถึงเพื่อให้เกิดเพลิงไหม้ด้วยครับ บรรจุแบบธรรมดาก็ 4 ต่อ 1 คือลูกธรรมดา 4 ลูกต่อกระสุนส่องแสง 1 ลูกครับ

3. กระสุนซ้อมรบ (M200,M755) หรือ Blank
3.1 ความเร็วต้น
M200 : -
M755 : 172-198 ft/s (52-60 m/s)
3.2 น้ำหนักหัวกระสุน (Grain : gr)
M200 : -
M755 : -
ลูกกระสุนแบบนี้ใช้ยิงเพื่อเอาเสียงให้ทหารที่เราฝึกชินเสียงปืนครับ แต่อย่าคิดว่าไม่อันตรายนะครับ ไอ้เณรที่ผมฝึกโดนไปคนนึงแล้ว เอาลูกซ้อมมายิงแล้วเล็งยิงไปทางเพื่อนกะแกล้งเล่นๆ ผลหรือครับไอ้หัวจีบตรงหัวกระสุนดันขาดออกไปด้วยกลายเป็นหัวกระสุนไปฝังตรงต้นขาเพื่อนมัน ผมต้องเฮโลรีบพาเพื่อนมันไปโรงพยาบาลด่วน ส่วนมันเจอรุมตื้บครับแถมเจอส่งขังคุกทหารอีก ทะลึ่งไม่เข้าเรื่องเลยจริงๆ

4. กระสุนฝึกหัดบรรจุ (M199) หรือ Dummy
4.1 ความเร็วต้น
M199 : -
4.2 น้ำหนักหัวกระสุน (Grain : gr)
M199 : -
อันนี้เอาไว้ซ้อมใส่กระสุนแล้วก็ป้องกันพวกชอบแอบลักกระสุนจริงไปครับ แต่จริงๆเวลาฝึกบรรจุก็เล่นลูกจริงทุกที เพราะเวลาใช้ลูกจริงฝึกผมจะเอาลูกใส่คลิป 10 นัดไปครับ ถ้าไม่ครบหมู่มันทั้งหมู่ต้องหาให้เจอ ไม่เจอโดนผมสั่งแดกอ้วกแน่ครับ

ทดสอบเสื้อเกราะ 2

ทดสอบเสื้อเกราะ

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

ทดสอบเอ็ม

M-60 - The funniest bloopers are right here

การทดสอบยิง AK47

AK74 - Watch a funny movie here

การทดสอบยิงเอ็ม60ในอาคาร

Escort M60 - The most amazing home videos are here

การทดสอบเอ็ม 60

M60 Machine Gun - Amazing videos are here

เอ็ม 60

The M60 is an air-cooled and gas-operated machine gun firing from an open bolt. It chambers the 7.62x51mm NATO cartridge and feeds from a disintegrating belt of metallic M13 links. In most variants, it has an integrated folding bipod and can be mounted on the M122 Tripod and some fixed mounts.
In the U.S. military, the M60 has largely been replaced by versions of the M240 in the medium machine gun and fixed weapon roles, and by the M249 as a squad automatic weapon. It remains in use in every branch of the U.S. military (as well as other armed forces) and continues to be manufactured.
The M60 is considered effective up to 1,100 meters when firing at an area target and mounted on a tripod; up to 800 meters when firing at an area target using the integral bipod; up to 600 meters when firing at a point target; and up to 200 meters when firing at a moving point target. United States Marine Corps doctrine holds that the M60 and other weapons in its class are capable of suppressive fire on area targets out to 1,500 meters if the gunner is sufficiently skilled.
The M60 is generally used as crew-served weapon and operated by a team of two or three men. The team consists of the gunner, the assistant gunner (A-gunner in military slang), and the ammunition bearer. The gun's weight and the amount of ammunition it consumes when fired make it difficult for a single soldier to carry and operate. The gunner carries the weapon and, depending on his strength and stamina, anywhere from 200 to 1000 rounds of ammunition. The assistant carries a spare barrel and extra ammunition, and reloads and spots targets for the gunner. The ammunition bearer carries additional ammunition and the tripod with associated traversing and elevation mechanism, if issued, and fetches more ammunition as needed during firing. The basic ammunition load carried by the crew is 600 to 900 rounds and theoretically allows approximately two minutes of continuous firing at the maximum rate of fire. All crews carry more than the basic load, sometimes three or more times the basic amount if they can get it. In many U.S. units that used the M60 as a squad automatic weapon in Vietnam, every soldier in the rifle squad would carry an additional 200 linked rounds of ammunition for the M60, a spare barrel, or both, in addition to his personal weapon and equipment.

ปืนอาก้า

อาก้ามันมีหลายรุ่นนะครับอาก้ามันอย่ในตระกูลAKในตระกูลมีอยู่หลายรุ่นเช่นak47,ak74,ak101,ak102,ak103,ak104,ak105,ak107,ak108เป็นต้นแต่ak101.ใช้กระสุนขนาน5.56x45มม. AK-101 (Russia) Caliber, mm: 5.56 Cartridge: NATO, 5.56x45 Action: Gas operated, rotating bolt with 2 lugs Magazine capacity, rds: 30 Length, mm: overall: 943; w/folded stock: 700; Barrel lenght: 415 mm Sighting range,m: 1000 Weight, g: 3,400 Rate of fire, rds/min: 600

เอ็ม 16

กระสุนของ M 16 ขนาด 5.56 ม.ม. หรือ .223 นิ้ว นั้นปัจจุบันใช้ในกล่มนาโต้ และจากเหตุผลที่กระสุน ขนาด .223 มีขนาดเล็กกว่ากระสุน AK 47 ฉนั้นในน้ำหนักที่เท่ากันทหารสามารถนำกระสุน ขนาด .223 ติดตัวไปได้จำนวนนัดมากกว่า และพิสูจน์แล้วว่ากระสุนขนาด .223 สามารถทำอันตรายได้มากไม่จำเป็นต้องใช้กระสุนหน้าตัดใหญ่และน้ำหนักมากกว่านี้

วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2552

รายละเอียดอาวุธ

Colt Government Carbine is a lightweight, compact package offering 5.56mm firepower with optimal mobility. The 4-position telescopic buttstock allows the Gove

rnment Carbine to adapt to operators of different sizes and physical characteristics as well as various firing positions and clothing variations. The M16A2 target sight is adjustable for windage and elevation to 800 meters. In today's demanding law enforcement environment, the Government Carbine is clearly an outstanding choice for patrol or tactical perimeter utilizations.
- Unique direct gas operating system eliminates the conventional operating rod and results in fewer and lighter components - Accommodates the full range of 5.56mm ammunition, including the

NATO M855/SS109 and U.S. M193, utilizing a rifling twist of 1 turn in 7" (178mm) - Straight-line construction disperses recoil straight back to the shoulder, increasing handling capabilities, especially during repeated fire - 4-position sliding buttstock allows the weapon to adapt to users of different sizes and physical characteristics as well as various firing positions and clothing variations - Cartridge case deflector allows easy operation in both right a

nd left handed shooting positions for increased tactical applications - Muzzle compensator further reduces muzzle climb and helps eliminate flash and dust signatures - Ejection port cover protects the chamber from dust and mud - Field strips easily without special tools for simple field user maintenance - Front barrel lug allows for easy mounting of a variety of accessories - Two 20 round magazines, cleaning kit and sling are standard. 30-round magazines are optional - Target style rear sight features dual apertures (0-200m, 300-800m) and adjusts for both windage and elevation - High strength materials add durability to the forearm, buttstock and pistol grip for greater comfort and effectiveness
CALIBER METHOD OF OPERATION MAGAZINE CAPACITY WEIGHT W/O MAGAZINE LENGTH (stock retracted) LENGTH (stock extended) BARREL LENGTH SIGHT RADIUS EFFECTIVE RANGE FRONT SIGHT REAR SIGHT HANDGUARDS
5.56mm (.223 Rem) Gas; Direct system; Locking bolt 2 - 20 round (30 rd mag optional) 5.8 lb (2.63 kg) 32 in (81 cm) 35 in (89 cm) 16.1 in (41 cm) 14.5 in (37

cm) 800 m Adjustable front Target sight adjustable for windage and elevation Standard carbine with heat shield

Colt 9 mm

The Colt 9mm Submachine Gun is a lightweight compact weapon encompassing the same straight line construction and design with the world known M16A2/A4 Rifle. This straight line construction, coupled with the low recoil associated with 9mm ammunition, provides highly accurate fire with less muzzle climb, especially in full automatic fire. Less recoil also facilitates ease of training and improves accuracy.
Like the M4 Carbine and Commando models, the Colt 9mm SMG fires from a closed bolt, is equipped with a sliding buttstock, and is readily field stripped without the need of special tools. Operation and training are similar to those of the M16A2/A4 Rifle, M4 Carbine or Commando, eliminating the need for substantial cross training.
The Colt 9mm SMG has a 26.7cm barrel and fires all standard 9mm ammunition. It is extremely well suited for military and paramilitary organizations with a definite need for a lightweight, compact weapon required to turn out sustained and controlled fire in close confrontations. It is also ideal in military and law enforcement situations where maximum concealability and lower velocity are required. Furthermore, due to its lack of over-penetration, it is desirable in the following areas: urban environments, boats and ships, in and around buildings, areas with crowds and airfields.
The rear field sight is adjustable for windage and incorporates two flip-type apertures for short range (0-50m) and long range (50-100m). The front sight post is adjustable for elevation. The Colt 9mm Submachine Gun is available with a Safe – Semi – Full Auto fire control selector (model R0635) or a Safe – Semi – Burst selector (model R0639).

M4

The Colt M4 Commando is a versatile weapon system with proven combat utility and performance providing the operator with the confidence required to accomplish any mission. The Colt M4 Commando is the most compact of Colt’s 5.56mm family of weapons. It features a four position sliding buttstock and a 11.5 in. (29 cm) long barrel and is

designed for use wherever lightness, speed of action, mobility and close quarters combat are required. It can be comfortably carried, yet be instantly available to provide the power of a 5.56mm weapon.
Applications in Close Quarters Combat, light weight, ease of handling, accuracy and reliability are qualities that make the Commando a valid choice of many special units and mission specific assignments. The M4 Commando meets all of the Special Forces’, Front-Line Infantry, Paratroopers’, Unit Commanders’, vehicle crews’ and numerous security forces’ operational needs. Furthermore, Colt’s M4 Commando is often chosen over smaller less powerful sub-machine guns, allowing for full 5.56mm power and accuracy, in a sub-machine gun size weapon.
Regardless the application, the Colt M4 Commando will provide the superior qualities that will enable the user to accomplish the stated mission. The new concepts of rapid deployment, mobility and increased firepower play a major part in the overall strategy of modern warfare. Increased emphasis is now put on small tactical units that engage in close combat and are able to “get in and out” fast. Colt’s M4 Commando can successfully surpass these operational requirements.
Colt Defense LLC is the sole source supplier of the M4 Carbine to the US military and the only manufacturer worldwide that meets or exceeds all US military specifications for the weapon.

M16 A2

LIGHTWEIGHT, RELIABLE, ACCURATE FIREPOWER The Colt Automatic Rifle is ideally suited to today’s modern warfare requirements for rapid deployment, mobility in battle, and high volumes of accurate fire. The Automatic Rifle builds on the strengths of the combat proven design while incorporating special features to increase its capability to deliver accurate, controlled and sustained firepower for

the Infantryman.
GENERAL CHARACTERISTICS The Colt Automatic Rifle is a gas operated, air-cooled, magazine fed, fully automatic weapon which fires from the open bolt position. The new, heavier barrel design increases stability, accuracy and heat dissipation. A new hydraulic buffer assembly is incorporated to achieve a firing rate of 600-750 rounds per minute. The Automatic Rifle features a rugged bipod design, which deploys and retracts rapidly and easily with the use of a single hand. The low cyclic rate of fire, heavy barrel, front grip, bipod and M16A2/A4 sighting system combine to yield unprecedented controllability and accuracy in a “light machine gun” at extended ranges.
COMMONALITY The Colt Automatic Rifle shares common features with the M16A2/A4 Rifle. The Automatic Rifle’s operating controls and handling characteristics are immediately familiar to soldiers trained in operating the M16 family of firearms. It uses the same wide variety of ammunition as the M16A2/A4 including M193, M855, SS109 and tracer rounds. The commonality of the Colt Automatic Rifle magazine and parts with the M16 family of weapons drastically reduces the training and logistics requirements to introduce the Automatic Rifle in service.

เอ็ม203

Colt’s M203 Grenade Launcher is a lightweight, single-shot, breech-loaded 40mm weapon designed especially for attachment to the M4 Carbine and the M16A2/A4 Rifle. It creates a versatile combination weapon system capable of firing both 5.56mm rifle ammunition as well as the complete range of 40mm high explosive and special purpose ammunition.
The most commonly used ammunition for the M203 is the M406 antipersonnel round, which has a lethal radius of five meters, and the M433 multi-purpose round which, in addition to having fragmentation effects, will penetrate up to 3 in. (7.6 cm) of armor plate. Many other types of ammunition are available, such as buckshot, tear gas, and various signal rounds, which greatly increase the versatility of this outstanding weapon.
The receiver of the M203 is made of high strength, forged aluminum alloy, which offers it extreme ruggedness, yet keeps weight to a minimum. A complete self-cocking firing mechanism, including barrel latch, trigger and positive safety lever is included in the receiver, allowing the M203 to be operated as a completely independent weapon, e

ven though attached to the M4 Carbine or the M16A2/A4 Rifle. The barrel, which is also made of a high strength aluminum alloy, slides forward in the receiver to accept a round of ammunition, and slides rearward to automatically lock in the closed position, ready to fire.
The new concepts of rapid deployment, mobility and increased firepower now play a major part in the overall strategy of modern warfare. Providing M16A2/A4 Rifle and M4 Carbine with area firing capabilities, Colt’s M203 Grenade Launcher is an essential tool of every modern army.

สถานที่ผลิตเอ็ม 16

Colt M16A4 Rifle is the fourth generation of the M16 weapon system. The M16A4 Rifle still represents the world standard by which all other weapons of this class are judged. Its combat proven performance is verified by the fact that over 8 million M16 weapon systems have been produced and placed in military service throughout the world. With a record that is unmatched by any other weapon system, it is no wonder that the U.S. Marine Corps considers there to be “… no finer service rifle in the world today”.
Colt M16A4 Rifle, now in production, features a performance identical to the M16A2. Physical differences between the two weapons include a removable carrying handle with an integral rail-mounting system on the M16A4. When the carrying handle is removed, any accessory device with a rail grabber, such as an optical sight, can be mounted on the weapon.
The M16A4 Rifle barrel is designed to accept the M203 Grenade Launcher which can easily be assembled to the rifle

offering the user both point and area firing capabilities. Also, all US and NATO rifle grenades can be fired without any supplementary equipment.
The new concepts of rapid deployment, mobility and increased firepower play a major part in the overall strategy of modern warfare. Increased emphasis is now put on small tactical units that are able to “get in and out” fast. Increased need for a lightweight, highly dependable, accurate service rifle with added fire power therefore exists. Colt M16A4 Rifle is the ultimate rifle in 5.56mm.

ซองกระสุน

ปืน M4A1

ด้ามหูหิ้ว (Flat Top Receiver) ของปืน M16A3 และ M16A4 ซึ่งสามารถถอดออกได้

ปืน M16A4

ปืน M16A2 (ล่าง) และปืน XM-177E1 (บน) โดยปืน XM-177E1 ได้รับการพัฒนามาจากปืน CAR-15 โดยบริษัท Colt และกลายมาเป็นปืน M4A1 ในปัจจุบัน

ปืน M16A2

ปืน M16A1 ติดตั้งพร้อมเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 มม.
M203

ปืนเอ็ม 16 เป็นปืนเล็กยาวที่กองทัพบกสหรัฐอเมริกากำหนดขึ้น โดยเรียกชื่อไล่จาก Armalite AR-15 เป็นปืนเล็กยาวจู่โจมที่ยิงด้วยกระสุนขนาด 5.56 x 45 mm. NATO ที่ออกแบบโดยนาย Eugene Stoner ในปีค.ศ. 1950 เดิมใช้เป็นปืนเล็กยาวประจำกายของทหารในกองทัพบกและกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1967โดยเข้าประจำการแทนปืน M14 ซึ่งใช้กระสุนขนาด 7.62x51 mm. NATO (.308 Winchester) และยังใช้กันอยู่ในกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การ NATO ทั้ง 15 ประเทศมาจนถึงปัจจุบัน
ปืน M16 เป็นปืนที่มีน้ำหนักเบา บรรจุกระสุนในซองกระสุน (Magazine) บริหารกลไกด้วยด้วยระบบแรงดันก๊าซ ระบายความร้อนด้วยอากาศ วัสดุที่ใช้ผลิตปืนผสมผสานทั้งเหล็กกล้า อะลูมิเนียม และพลาสติก

ปืน M16 ผลิตในปีค.ศ. 1963 สังเกตปลอกลดแสง (Flash Hider) ยังเป็นแบบ 3 แฉก (Three-prong Flash Hider) เหมือนของปืน AR-15 อยู่ และไม่มีคันส่งลูกเลื่อน (Forward Assist Assembly) ติดตั้งมาให้

ปืน M16A1 ผลิตในปีค.ศ. 1967 สังเกตปลอกลดแสง (Flash Hider) จะเป็นซี่คล้ายกรงนกมีรูลดแสง 4 รู("Bird Cage" Flash Hider) และมีคันส่งลูกเลื่อน (Forward Assist Assembly) ติดตั้งมาให้แล้ว

คันส่งลูกเลื่อน (Forward Assist Assembly) มีในปืน M16A1 เป็นต้นมา ใช้สำหรับดันหน้าลูกเลื่อนให้เข้าที่ก่อนทำการยิง ในกรณีที่ไม่ต้องการให้เกิดเสียงดังจากการดึงคันรั้งลูกเลื่อนเพื่อขึ้นลำปืน

ซองกระสุนแบบ STANAG 4179 ซองกระสุนความจุ 20 นัดผลิตโดยบริษัท Colt ประเทศสหรัฐอเมริกา และซองกระสุนความจุ 30 นัดผลิตโดยบริษัท Heckler&Koch หรือ H&K ประเทศเยอรมนี โดยทาง H&K เรียกซองกระสุนรุ่นนี้ว่า "High Reliability"

กระสุนขนาด 5.56x45 mm. NATO บรรจุในแมกกาซีนความจุ 30 นัด
ปืน M16 นี้พัฒนาขึ้นโดยกองทัพบกสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1950 ขณะที่ได้นำไปประเดิมใช้เป็นครั้งแรกในสงครามเวียดนาม ซึ่งแต่เดิมนั้น ปืน M16 ออกแบบและผลิตโดยบริษัทอาร์มาไลต์ (Armalite) ในปีค.ศ.1958 โดยเรียกว่าปืนรุ่นนี้ว่า AR-15 สำหรับปืนไรเฟิลอัตโนมัติ AR-15 นี้เป็นปืนไรเฟิลซ้อมยิงที่นิยมกันมากในประเทศสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับปืน M16 ในปัจจุบันนี้ และได้เข้าประจำการในฐานะอาวุธปืนประจำกายของหน่วยแพทย์ทหารเสนารักษ์และหน่วยสนับสนุนการรบต่างๆในช่วงสงครามเกาหลีด้วย แต่เนื่องจากตัวปืนนั้นมีปัญหาเรื่องลำกล้องปืนมักจะบวมและแตกร้าวเมื่อมีการยิงต่อเนื่องนานๆ จึงทำให้มียอดสั่งซื้อเข้ามาน้อยมาก
ต่อมาเมื่อบริษัท Armalite ได้ขายแบบแปลนปืน AR-15 ให้แก่บริษัทโคลต์ (Colt Firearms) ปืน AR-15 ก็ได้รับการพัฒนาจนออกมาเป็นปืน M16 และเข้าประจำการในกองทัพอากาศสหรัฐฯในปีค.ศ.1964 ส่วนทางกองทัพบกสหรัฐฯก็ได้นำปืน M16 มาพัฒนาต่อเป็นปืน XM16E1 ซึ่งได้เพิ่มระบบคันส่งลูกเลื่อน (Forward Assist Assembly) เข้ามาและเข้าประจำการในกองทัพบกสหรัฐฯพร้อมทั้งเรียกชื่อใหม่ว่า ""US Rifle, 5.56mm, M16A1" ในปีค.ศ. 1967 และยังมีการเปิดสายการผลิตปืน M16 ในรูปแบบอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันในอีกหลายประเทศทั่วโลก
ต่อมาในปีค.ศ. 1981 บริษัทโคลต์จึงได้พัฒนาและปรับปรุงปืน M16A1 จนออกมาเป็นปืน M16A1E1 เพื่อรองรับกระสุนขนาด 5.56x45 mm. NATO รุ่นใหม่คือกระสุน M855 Ball หรือ SS-109 ซึ่งมีความแม่นยำและอานุภาพทำลายล้างมากกว่าเดิม จนในปีค.ศ. 1982 หน่วย US Department of Defense (US DoD)จึงได้บรรจุปืน M16 รุ่นนี้เข้าประจำการและเรียกในชื่อใหม่ว่า "US Rifle, 5.56mm, M16A2" ซึ่งปืน M16A2 นี้สามารถยิงได้เพียง 2 รูปแบบ คือ แบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Auto) ครั้งละ 1 นัด/ครั้ง และแบบอัตโนมัติชุดละ 3 นัด (Burst Auto) โดยมีคันบังคับการยิงให้จัดเลือกอยู่ทางด้านซ้ายเหนือด้ามปืน ซึ่งต่างจากปืน M16A1 ตรงที่แบบอัตโนมัติของรุ่น A1 จะเป็นแบบอัตโนมัติเต็มตัว (Full-Auto) กล่าวคือปืนจะทำการยิงตามวงรอบการทำงานไปเรื่อยๆจนกว่าผู้ยิงจะเลิกเหนี่ยวไกปืนหรือจนกว่ากระสุนจะหมดซองกระสุน มิใช่ยิงเป็นชุดเพียง 3 นัดเท่านั้น ไม่ว่าผู้ยิงจะเหนี่ยวไกค้างไว้หรือไม่ก็ตาม
ในปีค.ศ. 1994 ทางบริษัทโคลต์ได้มีการปรับปรุงสมรรถภาพของปืน M16A2 อีกครั้งเป็นรุ่น A3 และ A4 ตามลำดับ โดยปืน M16A3 นั้นสามารถยิงได้สองโหมดคือ ยิงทีละนัด (Semi-Auto)และยิงอัตโนมัติเต็มตัว (Full-Auto)เท่านั้น ส่วนปืน M16A4 นั้นรูปร่างก็มิได้แตกต่างไปจากรุ่น A3 เพียงแต่จะยิงได้สองโหมดนี้คือ โหมดยิงทีละนัด (Semi-Auto) และแบบอัตโนมัติชุดละ3นัด (Three-Burst Auto) เพียงเท่านั้น โดยทั้งรุ่น A3 และ A4 มีลักษณะภายนอกคล้ายกับ A2 ทุกประการแต่สามารถถอดด้ามหูหิ้ว (Flat Top Recceiver)ออกเพื่อติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆได้ในขณะที่ A2 จะเป็นแบบติดตั้งตายตัว
ในช่วงทศวรรษ 1980 ปืน M16A1 ติดขาทรายและปืนกลเบา M60 จะถูกแทนที่ด้วยปืนกลเบา SAW M249 ซึ่งใช้กระสุนขนาด 5.56x45 mm. NATO รุ่น M855 Ball เช่นเดียวกับปืน M16A2 เพื่อเพิ่มอานุภาพของอาวุธและลดภาระในการจัดส่งกระสุนและเสบียงเข้าสู่สนามรบของหน่วยพลาธิการ ครั้นถึงทศวรรษ 1990 ปืน M16A2 จำนวนมากเริ่มถูกแทนที่ด้วยปืน M4 Carbine ซึ่งปรับปรุงมาจากปืน M16 เพื่อเพิ่มสมรรถนะและความคล่องตัวในการรบในที่แคบหรือในอาคารต่างๆ

กระสุนขนาด 5.56x45 mm. NATO บรรจุใน

แมกกาซีนความจุ 30 นัด

ซองกระสุนแบบ STANAG 4179 ซองกระสุนความจุ 20 นัดผลิตโดยบริษัท Colt ประเทศสหรัฐอเมริกา และซองกระสุนความจุ 30 นัดผลิตโดยบริษัท Heckler&Koch หรือ H&K ประเทศเยอรมนี โดยทาง H&K เรียกซองกระสุนรุ่นนี้ว่า "High Reliability"

จากบนล่าง ปืน M16A1 , M16A2, M4A1 และปืน M16A4

จากบนล่าง ปืน M16A1 , M16A2, M4A1 และปืน M16A4
M16
ชนิด
ปืนเล็กยาวจู่โจม (Assault Rifle)
สัญชาติ
สหรัฐอเมริกา
สมัย
สงครามเวียดนาม - ปัจจุบัน
การใช้งาน
อาวุธประจำกาย
เป้าหมาย
บุคคล
เริ่มใช้
พ.ศ. 2500 (ค.ศ. 1967)
ช่วงผลิต
พ.ศ. 2500 - ปัจจุบัน
ช่วงการใช้งาน
พ.ศ. 2503 - ปัจจุบัน
ผู้ปฏิบัติการ
NATO
สงคราม
สงครามเวียดนาม, สงครามอ่าวเปอร์เซีย, สงครามอิรัก
ชนิด
ปืนเล็กยาวจู่โจม (Assault Rifle)
ขนาดลำกล้อง
5.56 มิลลิเมตร (0.223 นิ้ว 6 เกลียว เวียนขวา)
ความยาวลำกล้อง
508 มิลลิเมตร
กระสุน
Ball M193 , M855 ขนาด 5.56x45 mm. NATO ระยะครบรอบเกลียว A1=16 ฟุต A2=12 ฟุต
แมกกาซีน
ซองกระสุนแบบ STANAG Magazine ความจุ 20, 30 นัด และแบบ Drum ความจุ 100 นัด
การทำงาน
ขับดันด้วยแก๊ส
อัตราการยิง
750 - 900 นัด/นาที
ความเร็วปากลำกล้อง
975 m/s (3,200 ft/s Ball M193)
930 m/s (3,050 ft/s Ball M855)
ระยะหวังผล
A1 = 460 เมตร
A2,A3,A4 = 550 เมตร
น้ำหนัก
แล้วแต่แบบ
ความยาว
A1=990.6 มม.,A2=1006 มม.
แบบอื่น
M4 Carbine,AR-15
จำนวนที่ผลิต
มากกว่า 8 ล้านกระบอก

วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2552

สนับสนุนโดย ฝ่ายยุทธการและการฝึก